การบำรุงดูแลกล้วยไม้ : น้ำคือหัวใจของการเพาะปลูกกล้วยไม้

น้ำคือหัวใจของการเพาะปลูกกล้วยไม้ น้ำที่เป็นด่าง น้ำกระด้าง น้ำที่มีเกลือแร่เจือปน น้ำที่มีตะกอนดิน คือสาเหตุที่ทำให้สารกำจัดศัตรูพืชเสื่อมสภาพ การจัดการน้ำสำหรับนำมาใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูกล้วยไม้จึงเป็นสิ่งสำคัญเบื้องต้นจึงควรมีการปรับสภาพน้ำก่อนพ่นยา ผลิตภัณฑ์แนะนำ ไซโฟเวอร์ ธาตุแคลเซี่ยมและโบรอนสูตรสำเร็จรูปจากประเทศอิตาลีในสัดส่วนที่เหมาะสมทางวิชาการ สารมหัศจรรย์สำหรับกล้วยไม้ เสริมสร้างประสิทธิภาพในการกำจัดศัตรูพืชได้อย่างแท้จริง ด้วยคุณสมบัติพิเศษหลายประการ สารช่วยปรับสภาพน้ำ สารที่ช่วยให้เกิดการเข้ากันได้ระหว่างสารกำจัดศัตรูพืชที่นำมาผสมร่วมกัน สารเสริมฤทธิ์ยา สารช่วยในการเปียกใบ สารช่วยในจับติดใบพืช สารช่วยป้องกันกำจัดโรคพืชที่สำคัญบางชนิด เช่นโรคเน่าดำ โรคเน่าเข้าไส้ของกล้วยไม้สามารถช่วยลดการระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี สารที่ออกฤทธิ์เป็นปุ๋ยน้ำสูตร 3-17-0 สำหรับใช้เพื่อเสริมสร้างรากและเร่งการออกดอกของกล้วยไม้ ปัญหาการใช้สารกำจัดศัตรูพืชได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ สารเคมีเกษตรส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ได้ดีในสารละลายที่เป็นกรดอ่อนๆและจะเสื่อมฤทธิ์อย่างรวดเร็วเมื่อในสารละลายที่เป็นด่าง ดังนั้นการใช้น้ำที่เป็นด่าง น้ำที่มีเกลือแร่เจือปนหรือมีตะกอนดิน จะทำให้ฤทธิ์ยาเสื่อมสภาพลง ไซโฟเวอร์ช่วยปรับสภาพน้ำให้มีระดับความเป็นกรดอยู่ที่ระดับ pH 4.5-5.5 ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับนำไปใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชโดยทั่วไป อัตราการใช้ของไซโฟเวอร์จะขึ้นอยู่กับระดับความเป็นด่างของน้ำ ถ้าน้ำเป็นด่างจัดก็ต้องใช้ในอัตราสูง ถ้าน้ำเป็นด่างอ่อนก็ใช้ในอัตราต่ำ จึงใช้วิธีหยดไซโฟเวอร์ลงไปในน้ำ แล้วดูการเปลี่ยนแปลงของสี ถ้าน้ำเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีชมพูอ่อนๆก็แสดงว่าเหมาะสมสำหรับนำไปใช้ได้แล้ว ถ้าต้องการปรับสภาพน้ำที่มีระดับความเป็นด่างที่ pH 8 ให้มาสู่ระดับน้ำที่ pH 6.5 จะต้องใช้ ไซโฟเวอร์ ในอัตรา 90-100 ซีซีต่อน้ำ 100 ลิตร อัตราและวิธีใช้ ถ้าต้องการผสมด้วยน้ำ 20…

การบำรุงดูแลกล้วยไม้ : สารอาหารกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ที่น่าสนใจ

กล้วยไม้งาม ออกดอกสะพรั่ง ด้วยปุ๋ยเกร็ดคุณภาพสูง การใช้สารอาหารพืชที่จำเป็นต่อการกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ ผลิตภัณฑ์แนะนำ ไซโฟแคล ธาตุแคลเซี่ยมและโบรอนสูตรสำเร็จรูปจากประเทศอิตาลีในสัดส่วนที่เหมาะสมทางวิชาการ แคลเซี่ยม ออกไซด์ ที่สามารถละลายน้ำได้ 15% โบรอน ที่สามารถละลายน้ำได้ 25% จากคุณสมบัติพื้นฐานของธาตุแคลเซี่ยมที่มีต่อพืชโดยทั่วไป มีผลต่อโครงสร้างของผนังเซลล์ของพืชโดยไปเสริมสร้างแพ็คตินและเนื้อเยื่อชั้นกลางของผนังเซลล์ อีกทั้งยังช่วยขยายขนาดของเซลล์พืชอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่ออ่อนบริเวณปลายยอดและปลายรากและคุณสมบัติพื้นฐานของธาตุโบรอนที่ช่วยควบคุมการเคลื่อนย้ายน้ำตาลภายในพืช   ประโยชน์ ช่วยส่งเสริมให้กล้วยไม้แทงช่อดอกได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง ช่วยให้รากแผ่ขยายมีความสามารถในการดูดน้ำและอาหารได้ดีขึ้น ช่วยให้กล้วยไม้แข็งแรงทนทานและสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน   ไซโฟแคลมีความจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาวนี้ ในช่วงหน้าหนาวธาตุแคลเซี่ยมจะสูญเสียไปจากการคายน้ำของกล้วยไม้ และมีการเคลื่อนย้ายภายในกล้วยไม้ได้น้อย ทำให้กล้วยไม้มักจะขาดแคลนธาตุแคลเซียมในช่วงหน้าหนาว ทำให้การเจริญเติบโตของรากเป็นไปอย่างจำกัด การสร้างดอกไม่สม่ำเสมอ ความสมบูรณ์ของก้านช่อดอกลดลง   อัตราและวิธีใช้ 10 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ควรพ่นอย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน 7-10 วัน รายละเอียด อัลก้า สารกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้วยไม้จากประเทศอิตาลี เป็นสารสกัดจากสาหร่ายทะเลที่อุดมไปด้วยสารกระตุ้นทางชีวภาพ ธาตุอาหารและฮอร์โมนพืชอย่างมากมายในสัดส่วนและการทำงานที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ได้เป็นอย่างดี ประโยชน์ ช่วยให้รากงอกแผ่ขยายดูดน้ำและสารอาหารพืชได้มากขึ้น ช่วยให้กล้วยไม้สมบูรณ์ใบเขียวเข้ม ช่วยให้กล้วยไม้โตเร็วแข็งแรงทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูกล้วยไม้ ช่วยลดความเครียดให้กับพืชจากผลกระทบของสภาพอากาศที่แปรปรวนโดยเฉพาะในสภาวะอากาศร้อนจัดและหนาวจัดที่ส่งผลกระทบต่อการออกดอกและการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ ช่วยกระตุ้นการแทงช่อดอกและพัฒนาการของช่อดอกได้อย่างสมบูรณ์   อัตราและวิธีใช้…

การบำรุงดูแลกล้วยไม้ : กล้วยไม้งาม ออกดอกสะพรั่ง ด้วยสารอาหารพืช

กล้วยไม้งาม ออกดอกสะพรั่ง ด้วยสารอาหารพืช กล้วยไม้มีความต้องการปุ๋ยทางใบและทางรากเพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ และมีความต้องการธาตุอาหารอย่างครบถ้วนทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม การใช้ปุ๋ยเกร็ดพ่นทางใบสำหรับกล้วยไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรพ่นให้กับกล้วยไม้ในช่วงเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงที่มีแสงแดดจัด และในสภาพที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูง ไม่ร้อนและแห้งแล้งเกินไป พ่นให้ทั่วบริเวณทั้งราก ลำต้น และใบ จนเปียกโชก น้ำที่ใช้ผสมจะต้องเป็นน้ำที่สะอาด ปราศจากตะกอนดินและมีความเป็นกลางหรือเป็นกรดอ่อนๆ ไม่ควรใช้น้ำที่เป็นด่าง ผลิตภัณฑ์แนะนำ 1.สูตรสำหรับใช้เร่งการเจริญเติบโตทางลำต้น เหมาะสำหรับกล้วยไม้เล็ก ลำลูกกล้วยใหม่ หรือกล้วยไม้ที่ทรุดโทรมที่ต้องการตั้งตัวเร็ว ไซโฟเฟอร์ท 30-12-8 อัตราและวิธีใช้ 25-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ภายหลังปลูก พ่นในช่วงแรกของการเจริญเติบโต 2.สูตรสำหรับกล้วยไม้ที่โตแล้วและกำลังจะออกดอก ไซโฟเฟอร์ท 18-18-18 อัตราและวิธีใช้ 25-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ภายหลังตัดดอก ก่อนออกดอก ระหว่างแทงช่อดอก 3.สูตรสำหรับใช้เร่งการงอกราก การแผ่ขยายตัวของราก เร่งการออกดอกของกล้วยไม้ที่ออกดอกยาก ลดความเขียวจัดของต้นกล้วยไม้ ลดอาการอวบน้ำของกล้วยไม้ ช่วยให้กล้วยไม้แข็งแรงทนทานต่อการระบาดของโรคและแมลงศัตรูกล้วยไม้ ไซโฟเฟอร์ท 9-48-14 อัตราและวิธีใช้ 25-50 กรัมต่อน้ำ…

โรคพืชสับปะรด : โรคผลแกร็น

โรคผลแกร็น ผลิตภัณฑ์แนะนำ ให้ลดการใส่ปุ๋ยยูเรีย แล้วพ่นทางใบด้วยปุ๋ยเกร็ด ไซโฟเฟอร์ท 10-30-30  อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุกๆ15 วัน ตั้งแต่สับปะรดอายุได้ 90 วัน จนกระทั่งก่อนเก็บเกี่ยว 1 เดือน รายละเอียด โรคพืชสับปะรด ป้องกันกำจัดโรคยอดเน่า ต้นเน่า โรคผลแกร็น

โรคพืชสับปะรด : ป้องกันกำจัดโรคยอดเน่า ต้นเน่า

ป้องกันกำจัดโรคยอดเน่า ต้นเน่า หยอดยอดหน่อพันธุ์ ทันทีภายหลังปลูกแล้วเสร็จ ผลิตภัณฑ์แนะนำ เอราฟอสทิล อัตรา 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร รายละเอียด เอราแลกซิล 35 อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร รายละเอียด ป้องกันกำจัดโรคยอดเน่า ต้นเน่า ในสับปะรดอายุ 2-3 เดือน ผลิตภัณฑ์แนะนำ เอราแลกซิล 35 อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นที่ยอดทุกๆ 2  เดือน รายละเอียด โรคพืชสับปะรด ป้องกันกำจัดโรคยอดเน่า ต้นเน่า โรคผลแกร็น

ศัตรูพืชสับปะรด : กำจัดเพลี้ยแป้งและมดดำ ภายหลังปลูก

กำจัดเพลี้ยแป้งและมดดำ ภายหลังปลูก ผลิตภัณฑ์แนะนำ เอรามอล 83  อัตรา 40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร รายละเอียด เอราท็อกซ์  อัตรา 8 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร รายละเอียด เอราท็อกซ์ 24 เอสซี อัตรา 8 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร รายละเอียด พ่นกำจัดเพลี้ยแป้งและมดดำ หรือพ่นกันมดรอบแปลงด้วย เอราเซฟ 85  อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร รายละเอียด ศัตรูพืชสับปะรด กำจัดเพลี้ยแป้งและมดดำ ภายหลังปลูก กำจัดไส้เดือนฝอยในสับปะรดรุ่นที่ 2 หรือรุ่นที่ 3

การกำจัดวัชพืช : กำจัดหญ้าใบแคบระบาดในแปลงสับปะรด

หญ้าใบแคบระบาดในแปลงสับปะรด ผลิตภัณฑ์แนะนำ เอราฟอพ อัตรา 160 ซีซี รายละเอียด เอราซิล อัตรา 160 ซีซี รายละเอียด ละลายน้ำพ่นในพื้นที่ 1 ไร่ พ่นเก็บลูกหญ้า พ่นก่อนที่หน่อจะแตกยอด การกำจัดวัชพืชสับปะรด คุมวัชพืชภายหลังปลูกสับปะรด กำจัดหญ้าใบแคบระบาดในแปลงสับปะรด

การกำจัดวัชพืช : คุมวัชพืชภายหลังปลูกสับปะรด

คุมวัชพืชภายหลังปลูกสับปะรด ผลิตภัณฑ์แนะนำ เอรายูรอน 80 อัตรา 365 กรัม รายละเอียด เอราซิล อัตรา 365 กรัม รายละเอียด ละลายน้ำพ่นในพื้นที่ 1 ไร่ พ่นทันทีที่ปลูกสับปะรดแล้วเสร็จ การกำจัดวัชพืชสับปะรด คุมวัชพืชภายหลังปลูกสับปะรด กำจัดหญ้าใบแคบระบาดในแปลงสับปะรด

การบำรุงสับปะรด : ระยะหลังบังคับ 3 เดือน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผล

ระยะหลังบังคับ 3 เดือน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผล ผลิตภัณฑ์แนะนำ พ่นทางใบด้วย ไซโฟเฟอร์ท 10-30-30   อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร รายละเอียด การบำรุงดูแลสับปะรด ชุบหน่อพันธุ์สับปะรดก่อนปลูก ระยะหลังปลูกประมาณ 1-2 เดือน เสริมสร้างราก ระยะหลังปลูก 4-6 เดือน ระยะก่อนบังคับผล 1-2 เดือน หยอดยอดสับปะรดเพื่อการสร้างตาดอก และเร่งสร้างเนื้อ ขยายผล ระยะดอกแดง ระยะดอกม่วงโรย ระยะหลังบังคับ 3 เดือน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผล ระยะเพิ่มคุณภาพก่อนเก็บเกี่ยว

การบำรุงสับปะรด : ระยะดอกม่วงโรย

ระยะดอกม่วงโรย ผลิตภัณฑ์แนะนำ ไซฟามิน บีเค อัตรา 5 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร รายละเอียด การบำรุงดูแลสับปะรด ชุบหน่อพันธุ์สับปะรดก่อนปลูก ระยะหลังปลูกประมาณ 1-2 เดือน เสริมสร้างราก ระยะหลังปลูก 4-6 เดือน ระยะก่อนบังคับผล 1-2 เดือน หยอดยอดสับปะรดเพื่อการสร้างตาดอก และเร่งสร้างเนื้อ ขยายผล ระยะดอกแดง ระยะดอกม่วงโรย ระยะหลังบังคับ 3 เดือน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผล ระยะเพิ่มคุณภาพก่อนเก็บเกี่ยว