โรครากเน่าโคนเน่า กับโรคราสีชมพู

โรครากเน่าโคนเน่าเป็นโรคที่ชาวสวนทุเรียนรู้จักกันมาอย่างน้อย 30 ปี แต่โรคราสีชมพู ซึ่งเกิดจากราฟิวซาเรียมเป็นโรคที่เพิ่งมีการพูดถึงกันมาในช่วง 4-5 ปีมานี้เอง (และมักสับสนกับโรคราสีชมพูที่เคยพูดถึงกันในอดีตซึ่งเกิดจากราคอติเชียม) เราลองมาทบทวนลักษณะอาการและสาเหตุของโรคเหล่านี้กันสักเล็กน้อย โรครากเน่าโคนเน่า เกิดจากราชั้นต่ำ ชื่อไฟทอฟทอร่า อาศัยอยู่ได้ในดินและน้ำ ชอบอากาศค่อนข้างเย็น และชื้น ส่วนขยายพันธุ์ที่เรียกว่าสปอร์ มีหาง ว่ายน้ำได้ เมื่อส่วนขยายพันธุ์ได้งอกและเข้าสู่พืชทางบาดแผล หรือช่องเปิดธรรมชาติ บริเวณราก ของทุเรียน ทำลายในส่วนของท่อน้ำ ท่ออาหาร เนื้อไม้รอบๆ ท่อน้ำท่ออาหาร และลุกลามขึ้นไปยังส่วนของลำต้น ช่วงเวลาการกระจายและเติบโตถึงลำต้นนี้ค่อนข้างนาน และอาจหยุดการเติบโตในช่วงอากาศแห้งแล้งก่อนเจริญเติบโตต่อไปได้ใหม่เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม สปอร์ที่อาศัยในดินสามารถปลิวปะปนไปกับละอองน้ำฝน หรือฝุ่นดินที่ลอยขึ้นไปยังส่วนบนในทรงพุ่มทุเรียน และตกลงบนคาคบ ดอกอ่อน ผลอ่อน กิ่งก้าน หรือใบอ่อนของทุเรียนได้ และทำให้พบอาการของโรคขึ้นได้บนกิ่ง ผล ดอก และผลอ่อน เมื่อมีความชื้นมากพอและสภาพแวดล้อมเหมาะสม เมื่อทุเรียนออกดอก และติดผลอ่อน สปอร์ของราสาเหตุโรครากเน่าโคนเน่านี้จะเกาะอาศัยอยู่บริเวณเปลือกผิวของผล และเมื่อราสาเหตุงอกเส้นใยเจริญมากขึ้น จะเป็นเหตุให้เกิดโรคผลเน่าของทุเรียน แต่การแสดงอาการเน่าของผลแก่ หรืออาการที่พบในโรคเก็บหลังการเก็บเกี่ยวเนื่องมาจากการระบาดเกิดขึ้นในระยะปลายฤดูของผลที่ใกล้เก็บเกี่ยว โดยเฉพาะการเกิดฝนชุก ลมกรรโชกแรงในช่วงผลใกล้แก่ และมีปริมาณราสาเหตุมากพอที่จะเข้าทำลายผลแก่ได้ โรคราสีชมพู เกิดจากราชั้นสูง ชื่อฟิวซาเรียม (และเกษตรกรหลายายอาจรู้สึกสับสนกับโรคราสีชมพูที่เกิดจากราชั้นสูงที่ชื่อคอติเชียม)…

โรคราน้ำค้างในข้าวโพด

โรคราน้ำค้างในข้าวโพด โรคราน้ำค้างของข้าวโพดเกิดจากราสาเหตุที่เป็นราชั้นต่ำกลุ่มราน้ำ  รานี้มีสปอร์ลักษณะใส ชอบอากาศเย็น ประมาณ 22-25 องศาเซลเชียส และความชื้นสูง ข้าวโพดที่อ่อนแอต่อโรคนี้ได้แก่ข้าวโพดหวานและข้าวโพดฝักอ่อน ราสาเหตุผลิตสปอร์ได้ทั้งด้านบนใบและใต้ใบช่วงเวลาเช้า ประมาณ ตีสามถึง ตีห้าก่อนแพร่ระบาดออกไปกับละอองหมอก ไปยังต้นข้าวโพดปกติที่อายุน้อยกว่า 1 เดือน การระบาดเกิดได้ดีโดยเฉพาะการปลูกข้าวโพดในพื้นที่หุบเขาที่มีอากาศเย็น น้ำค้างแรง และมีหมอกปกคลุมในหุบเขาเป็นเวลานาน เมื่อสปอร์งอกเข้าสู่ใบพืชจะสร้างเส้นใยในผิวใบอย่างรวดเร็วไปตามความยาวของใบ จึงเห็นอาการเป็นแถบสีอ่อนสลับสีเขียวปกติของใบ หากอาการรุนแรงรอยแผลสีซีดจะมีขนาดใหญ่ใบตามแผ่นใบในกรวยใบ เมื่อราสาเหตุใช้อาหารใบใบหมด จะทำให้ใบเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและสีน้ำตาล ต้นข้าวโพดไม่เจริญเติบโต ลำต้นเตี้ยแคระ ข้อไม่ขยาย ไม่ออกดอก และไม่ออกฝัก หากอาการบนใบไม่รุนแรงข้าวโพดอาจออกฝัก และจะได้ฝัก บิดเบี้ยว ไม่สมบูรณ์ ไม่ติดเมล็ด หรือติดเมล็ดเล็กน้อย เมื่อข้าวโพดได้รับเชื้อสาเหตุแล้ว ต้นที่เป็นโรคจะไม่สามารถรักษาให้เป็นปกติได้  แต่ยังสามารถผลิต ราสาเหตุเพื่อการระบาดได้ต่อไปในแปลงปลูก ราสาเหตุที่ติดมากับเมล็ดจะเข้าลาย โดยอยู่อาศัยในต้นข้าวโพดตั้งแต่เริ่มงอก จนถึงแสดงอาการใบสีซีด ใช้เวลาประมาณ 10 – 14 วัน สปอร์ที่ผลิตขึ้นจะแพร่ระบาดไปยังข้าวโพดที่อายุต่ำกว่า 1 เดือน ถึง 45 วัน  โดยจะต้องมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะ เป็นปัจจัยประกอบด้วย…

โรคแคงเกอร์ของส้มโอ

ปัจจุบันส้มโอเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้ดีมาก โดยเฉพาะสวนส้มโอที่ผลิตเพื่อการส่งออก  แต่ปัญหาศัตรูพืชที่เป็นเรื่องใหญ่คือโรคแคงเกอร์ ซึ่งเป็นโรคพืชกักกันในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในยุโรป และออสเตรเลีย  และเนื่องด้วยสถานะการณ์การระบาดของโรคไข้โควิด – 19 จึงส่งผลพวงมายังการค้า การส่งออก อีกทั้งการขาดแรงงานที่เป็นปัจจัยหลักของการทำสวนผลไม้ จึงทำให้โรคแคงเกอร์ของส้มโอทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก ปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากการขาดแรงงาน และปัญหาการตลาด ก็คือ การลดมาตรการควบคุมโรคพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการรักษาสวนผลไม้ให้คงอยู่ และประคับประคองไปจนกว่าสถานะการณ์ภายนอกจะคลี่คลายลง สาเหตุ โรคแคงเกอร์ของส้มโอ มีสาเหตุจากแบคทีเรียชนิดเดียวกับส้มและมะนาว และพืชตระกูลส้มอีกหลายชนิด  นั่นคือ แบคทีเรีย แซนโทโมแนส ซิไตร ซิไตร ที่ชอบอากาศร้อนชื้น ลักษณะอาการ ลักษณะอาการของโรค แบคทีเรียสาเหตุทำให้เกิดรอยแผลเป็นขุยสีสนิมบน ใบอ่อน กิ่งอ่อน ยอดอ่อน และผล แบคทีเรียใช้เวลานานประมาณ 7-10 วัน  จึงจะแสดงอาการให้เห็น  ผลส้มจะอ่อนแอต่อการเข้าทำลายในช่วง 2 เดือนแรก ตั้งแต่เริ่มผสมเกสร ช่วงเวลาเริ่มระบาดจะตั้งต้นเมื่อเริ่มย่างฤดูฝน ในขณะที่ส้มโอแตกยอดใหม่ และมีฝนต้นฤดูโปรายปรายลงมา ช่วงที่ระบาดสูงสุดคือช่วงกลางฤดูฝน และลดโรคจะลดลงเมื่อ ฝนทิ้งช่วง หรือหมดฤดูฝนนั่นเอง อาการที่พบบนใบ เป็นจุดนูนสีเหลือง ฉ่ำน้ำ…