เพลี้ยไฟพริก แมลงศัตรูสุด Hot ในพริก

เพลี้ยไฟพริก แมลงศัตรูสุด Hot ในพริก ชื่อวิทยาศาสตร์ Scirtothrips dorsalis Hoods ลักษณะการทำลาย สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า แดดจัดในตอนกลางวัน เตือนผู้ปลูกพริกในทุกระยะการเจริญเติบโต ระวังเพลี้ยไฟพริก (Chilli Thrips) ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะเข้าทำลายโดยดูดกินน้ำเลี้ยงตามส่วนต่างๆ ยอดใบอ่อน ตาดอก และผล ทำให้ใบหรือยอดอ่อนหงิก ขอบใบหงิกหรือม้วนขึ้น ถ้าเข้าทำลายระยะพริกออกดอก จะทำให้ดอกพริกร่วงไม่ติดผล การทำลายในระยะผล จะทำให้รูปทรงของผลบิดเบี้ยวเสียรูป หากระบาดรุนแรงต้นพริกชะงักการเจริญเติบโตและแห้งตายมากกว่า 50% วิธีการป้องกันกำจัด • หมั่นสำรวจเพลี้ยไฟบริเวณใต้ใบหรือตามส่วนอ่อนๆของพืช ถ้าพบเพลี้ยไฟ 5 ตัวขึ้นไป/ยอด ควรพ่นสารกำจัด • ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้พืชขาดน้ำ เพราะจะทำให้ พืชอ่อนแอ และเพลี้ยไฟพริกจะระบาดอย่างรวดเร็ว  ใช้สารป้องกันกำจัดโรคเมื่อพบการระบาด และควรพ่นสลับเพื่อป้องกันการดื้อยา ขณะพ่นสารควรปรับหัวฉีดให้เป็นฝอยที่สุด – สารกลุ่ม 4A+6 เซเรน อัตรา 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 2…

แมลงบั่ว…ศัตรูร้าย ทำลายนาข้าว ช่วงข้าวแตกกอ

แมลงบั่ว ศัตรูร้ายทำลายนาข้าว ช่วงข้าวแตกกอ แมลงบั่ว มีชื่อวิทยาศาสตร์: Orseolia oryzae (Wood – Mason) เป็นศัตรูข้าวที่สำคัญ มักจะระบาดมากในระยะข้าวแตกกอ ในช่วงสภาพอากาศมีความชื้นและเย็นดังนั้น เกษตรกรจึงควรเร่งป้องกันการวางไข่และกำจัดตัวหนอนของแมลงบั่ว รูปร่างลักษณะ แมลงบั่วเพศผู้ ลำตัวมีสีน้ำตาลปนเหลือง ขนาดเล็กกว่าเพศเมีย เพศเมียจะมีสีชมพูอมส้มโดยวางเป็นฟองเดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่ม 3 – 4 ฟอง เพศเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้หลายร้อยฟองใน 4 วัน ระยะไข่ประมาณ3 – 4 วันตัวหนอนคล้ายหนอนแมลงวันหัวท้ายเรียว ระยะหนอนนาน 11 วัน ตัวหนอนที่ฟักจากไข่จะคลานตามบริเวณกาบใบเพื่อแทรกตัวเข้าไปในกาบใบ เข้าไปอาศัยกัดกินที่จุดตายอดหรือตาข้างที่ข้อ และจะสร้างหลอดหุ้มตัวหนอน ทำให้เกิดเป็นช่องกลวงที่เรียกว่า หลอดบั่วหรือหลอดหอม ลักษณะการเข้าทำลาย ตัวเต็มวัยมีลักษณะคล้ายยุง จะพบการระบาดในช่วงฤดูหนาว จะวางไข่ใต้ใบข้าวในตอนกลางคืน เพศเมีย 1 ตัวสามารถวางไข่ได้หลายร้อยฟองในชั่ว อายุ 4 วัน จะวางไข่ตั้งแต่ข้าวระยะกล้า (อายุ 25…

การจัดการหนอนกอข้าวอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดการหนอนกอข้าวอย่างมีประสิทธิภาพ   หนอนกอข้าว ทำลายข้าวตั้งแต่ช่วงระยะกล้าจนถึงระยะข้าวออกรวง ในแถบเอเชียมีรายงานการระบาดของหนอนกอข้าวหลายชนิด เช่น หนอนกอสีครีม;Scirpophaga incertulas หนอนกอแถบลาย;Chilo suppressalis หนอนกอสีชมพู;Sesamia inferens หนอนกอหัวดำหรือหนอนกอแถบลายสีม่วง (dark-headed stem borer); Chilo polychrysus และหนอนกอสีขาว;Chilo innotata ซึ่งหนอนกอสีขาวยังไม่มีรายงานในประเทศไทย หนอนกอสีครีมและหนอนกอแถบลายเป็นชนิดที่พบการทำลายมากที่สุด หนอนกอสีครีมสามารถทำลายจนเกิดความเสียหายของผลผลิตมากถึง 20%ในช่วงข้าวแตกกอ และ 80% ในช่วงข้าวออกรวง ในขณะที่หนอนกอแถบลายอาจทำลายรุนแรงจนผลผลิตเสียหายโดยสิ้นเชิง   มีรายงานว่ามีพืชตระกูลหญ้าหลายชนิดเป็นพืชอาศัยของหนอนกอเหล่านี้ เช่น ข้าวฟ่าง หญ้าปล้องหิน หญ้าตีนกา หญ้าชันกาด ข้าวป่า ข้าวสาลี ข้าวบาเล่ย์  เป็นต้น ลักษณะและการจำแนกการทำลายของหนอนกอข้าว (Damage symptoms caused by stem borers and How to identify): หนอนกอข้าวแม้จะมีหลายชนิดแต่ลักษณะการทำลายในข้าวจะเหมือนกัน หนอนขนาดเล็กจะเจาะเข้าภายในซอกกาบใบ ก่อนที่จะเจาะเข้าไปในต้นข้าวบริเวณโคนกอข้าวเพื่อกัดกินผิวของผนังด้านในของลำต้น การทำลายลักษณะดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการส่งอาหารจากลำต้นไปที่จุดเจริญ ซึ่งการทำลายจะเกิดอาการได้ 2…

เพลี้ยจักจั่นฝอยทุเรียน ระบาดหนัก ทำลายทุเรียนในช่วงใบอ่อน

เพลี้ยจักจั่นฝอย ทำลายทุเรียนช่วงทำใบ เพลี้ยจักจั่นฝอยทุเรียน (Durian leafhopper) ชื่อวิทยาศาสตร์: Amrasca durianae Hongsaprug   ลักษณะการเข้าทำลาย ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยมักเข้าทำลายในช่วงทุเรียนแตกใบใหม่หรือใบอ่อน ดูดกินน้ำเลี้ยงตรงขอบใบ ทำให้ใบเหมือนถูกน้ำร้อนลวก ต่อมาขอบใบจะเริ่มแห้งสีน้ำตาลม้วนงอขึ้น การระบาดรุนแรงจะทำให้ใบอ่อนร่วงทั้งต้น ยอดทุเรียนเหลือแต่ก้าน หรือเรียก “ยอดก้านธูป” ทำให้ทุเรียนหยุดชะงักการเจริญเติบโต ไม่สามารถผลิตใบแต่ละชุดได้   การจัดการควรใช้วิธีผสมผสาน วิธีกล: บังคับยอดให้แตกพร้อมกัน ใช้กับดักกาวเหนียวอย่างน้อย 80 กับดักต่อไร่ สำรวจต้น 10-20 ต้น สุ่มเคาะยอดอ่อนต้นละ 5 ยอด ถ้าพบใบแสดงอาการโดนเพลี้ยจักจั่นฝอยทำลาย ให้พ่นสาร การสารเคมีกำจัดแมลง เอราโทเอต (กลุ่ม 1B) กำจัดทุกระยะ อัตรา 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 2 ครั้ง ทุก 7 วัน + เอราเฟซิน…

เตือนภัยการระบาดของแมลงหวี่ขาวข้าว

เตือนภัยการระบาดของแมลงหวี่ขาวข้าว   ในสภาพอากาศที่แปรปรวน ภาวะโลกร้อน ทำให้อุณหภูมิปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น แมลงหลายชนิดจึงปรับพฤติกรรมและหาแหล่งอาหารใหม่ส่งผลให้เริ่มพบการระบาดของแมลงศัตรูข้าวใหม่ได้ และหนึ่งในแมลงที่พบคือ แมลงหวี่ขาวข้าว Aleurocybotus indicus เริ่มเข้าทำลายในหลายจังหวัดในขณะนี้   แมลงหวี่ขาวข้าว มีขนาดเล็กแต่บินได้ไม่ไกล จะมีลมช่วยในการพัดพา การแพร่พันธุ์และขยายพันธุ์รวดเร็ว เพศเมียวางไข่ได้ 100-240 ฟอง ตลอดวงจรชีวิตใช้เวลาประมาณ 17-24 วัน อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 30 องศาเซลเซียส ระบาดมากในช่วงอากาศร้อนชื้น (ก.ค. – ส.ค.)   ลักษณะการทำลาย แมลงหวี่ขาวข้าว ตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบข้าวในระยะแตกกอ ช่วงแรกจะสังเกตเห็นใบข้าวเป็นวงสีเหลือง ถ้าระบาดมากใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ใบบิดเบี้ยว ทำให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโต ถ้าในระยะออกดอก จะทำให้ช่อดอกและเมล็ดข้าวเหี่ยวเฉา ออกรวงไม่ได้   การจัดการควรใช้วิธีผสมผสาน วิธีเขตกรรม หมั่นสำรวจแปลงนาข้าวอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ระยะกล้า 20 วันขึ้นไป ไม่ปลูกข้าวหนาแน่นเกินไป ชีววิธี กำจัดโดยใช้แมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น ด้วงเต่าตัวห้ำ, แตนเบียน และมวนเขียวดูดไข่ พ่นกำจัดแมลงหวี่ขาวข้าวเมื่อพบการระบาด…

เพลี้ยไฟสาเหตุดอกร่วง หนามจีบในทุเรียนระยะดอก

เพลี้ยไฟสาเหตุดอกร่วง หนามจีบในทุเรียนระยะดอก ชื่อวิทยาศาสตร์ Scirothrips dorsalis Hoods อีกชื่อว่า เพลี้ยไฟพริก   ลักษณะการเข้าทำลาย ระยะดอกบาน โดยดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณกลีบดอก ทำให้ดอกแห้ง ใบหลุดร่วง ระยะหางแย้ เพลี้ยไฟจะอยู่ตามหมวกดอก ทำให้การผสมเกสรไม่สมบูรณ์ ดอกหลุดร่วง ระยะติดผลอ่อน เพลี้ยไฟจะอยู่ตามซอกหนามทุเรียน ทำให้ปลายหนามแห้ง ทำให้เกิดอาการหนามจีบ ชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตต่ำ รูปทรงจะบิดเบี้ยว ทำให้ตกเกรด ราคาตก ส่งออกไม่ได้   การป้องกันกำจัด หมั่นสำรวจแปลงทุก 3 วันในช่วงก่อนดอกบานจนถึงช่วงติดผลอ่อน ระยะหางแย้ควรช่วยเคาะกิ่งหรือใช้การปัดเกี่ยวหมวกดอกให้หลุดร่วงเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของเพลี้ยไฟ การเพิ่มความชื้นในแปลงโดยการให้น้ำ ยังช่วยเพิ่มปริมาณศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยไฟให้มากขึ้นในช่วงหน้าแล้ง พ่นกำจัดเพลี้ยไฟเมื่อพบการระบาด โดยเลี่ยงสารกลุ่ม EC เพราะน้ำมันจะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อดอกและดอกหลุดร่วงได้ แนะนำให้ใช้สูตรผง (WG), สูตรเนื้อครีม (SC) หรือยาสูตรน้ำ (SL)   ป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟพริก กลุ่ม 13 โรแนน (SC) อัตรา 30 ซีซี…