กล้วยไม้งาม ออกดอกสะพรั่ง ด้วยปุ๋ยเกร็ดคุณภาพสูง
กล้วยไม้มีความต้องการปุ๋ยทางใบและทางรากเพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ และมีความต้องการธาตุอาหารอย่างครบถ้วนทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม
การใช้ปุ๋ยเกร็ดพ่นทางใบสำหรับกล้วยไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ควรพ่นให้กับกล้วยไม้ในช่วงเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงที่มีแสงแดดจัด และในสภาพที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูง ไม่ร้อนและแห้งแล้งเกินไป พ่นให้ทั่วบริเวณทั้งราก ลำต้น และใบ จนเปียกโชก
- น้ำที่ใช้ผสมจะต้องเป็นน้ำที่สะอาด ปราศจากตะกอนดินและมีความเป็นกลางหรือเป็นกรดอ่อนๆ ไม่ควรใช้น้ำที่เป็นด่าง
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
ปุ๋ยเกร็ดไซโฟเฟอร์ท เป็นปุ๋ยเกร็ดปุ๋ยนอกสำหรับใช้พ่นทางใบจากประเทศอิตาลี เหมาะสำหรับใช้ในช่วงที่กล้วยไม้โตช้า ออกดอกช้า ออกดอกน้อยผลผลิตและคุณภาพดอกลดลง ใช้น้อยๆแต่บ่อยครั้ง ได้ผลทันใจ ประหยัดและคุ้มค่ากว่า เนื่องจากกล้วยไม้ได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนและเต็มประสิทธิภาพ
ประกอบด้วยธาตุอาหารอย่างครบถ้วน
- ธาตุอาหารหลักได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซี่ยม
- ธาตุอาหารรอง ได้แก่ แมกนีเซียม
- ธาตุอาหารเสริม ได้แก่ เหล็ก มังกานีส ทองแดง สังกะสี โบรอน โมลิบดินั่ม
1. สูตรสำหรับใช้เร่งการเจริญเติบโตทางลำต้น เหมาะสำหรับกล้วยไม้เล็ก ลำลูกกล้วยใหม่ หรือกล้วยไม้ที่ทรุดโทรมที่ต้องการตั้งตัวเร็ว
ไซโฟเฟอร์ท สูตร 30-15-10
อัตราและวิธีใช้
25-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ภายหลังปลูก
- พ่นในช่วงแรกของการเจริญเติบโต
2. สูตรสำหรับกล้วยไม้ที่โตแล้วและกำลังจะออกดอก
ไซโฟเฟอร์ท สูตร 20-20-20
อัตราและวิธีใช้
25-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ภายหลังตัดดอก
- ก่อนออกดอก
- ระหว่างแทงช่อดอก
3. สูตรสำหรับใช้เร่งการงอกราก การแผ่ขยายตัวของราก เร่งการออกดอกของกล้วยไม้ที่ออกดอกยาก ลดความเขียวจัดของต้นกล้วยไม้ ลดอาการอวบน้ำของกล้วยไม้ ช่วยให้กล้วยไม้แข็งแรงทนทานต่อการระบาดของโรคและแมลงศัตรูกล้วยไม้
ไซโฟเฟอร์ท สูตร 10-50-15
อัตราและวิธีใช้
25-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- พ่นก่อนลงหัว
- พ่นก่อนเริ่มลงหัว
4. สูตรสำหรับใช้กระตุ้นการสร้างตาดอก
ไซโฟเฟอร์ท เอ็กตร้า เค 6-10-32+6.3ZN+TE
อัตราและวิธีใช้
25-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- พ่นก่อนออกดอก
- พ่นขณะแทงช่อดอก
5. สูตรสำหรับใช้ในการเจริญเติบโตของราก ช่วยเสริมสร้างคุณภาพดอก ทำให้ดอกมีสีสดและบานทนนาน ช่วยให้กล้วยไม้ทนแล้ง
ไซโฟเฟอร์ท 10-30-30
อัตราและวิธีใช้
25-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- พ่นขณะแทงช่อดอก
การอาหารกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ที่น่าสนใจ
การใช้สารอาหารพืชที่จำเป็นต่อการกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้วยไม้
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
ไซโฟแคล
ธาตุแคลเซี่ยมและโบรอนสูตรสำเร็จรูปจากประเทศอิตาลีในสัดส่วนที่เหมาะสมทางวิชาการ
- แคลเซี่ยม ออกไซด์ ที่สามารถละลายน้ำได้ 15%
- โบรอน ที่สามารถละลายน้ำได้ 25%
จากคุณสมบัติพื้นฐานของธาตุแคลเซี่ยมที่มีต่อพืชโดยทั่วไป มีผลต่อโครงสร้างของผนังเซลล์ของพืชโดยไปเสริมสร้างแพ็คตินและเนื้อเยื่อชั้นกลางของผนังเซลล์ อีกทั้งยังช่วยขยายขนาดของเซลล์พืชอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่ออ่อนบริเวณปลายยอดและปลายรากและคุณสมบัติพื้นฐานของธาตุโบรอนที่ช่วยควบคุมการเคลื่อนย้ายน้ำตาลภายในพืช
ประโยชน์
- ช่วยส่งเสริมให้กล้วยไม้แทงช่อดอกได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง
- ช่วยให้รากแผ่ขยายมีความสามารถในการดูดน้ำและอาหารได้ดีขึ้น
- ช่วยให้กล้วยไม้แข็งแรงทนทานและสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน
ไซโฟแคลมีความจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาวนี้
ในช่วงหน้าหนาวธาตุแคลเซี่ยมจะสูญเสียไปจากการคายน้ำของกล้วยไม้ และมีการเคลื่อนย้ายภายในกล้วยไม้ได้น้อย ทำให้กล้วยไม้มักจะขาดแคลนธาตุแคลเซียมในช่วงหน้าหนาว ทำให้การเจริญเติบโตของรากเป็นไปอย่างจำกัด การสร้างดอกไม่สม่ำเสมอ ความสมบูรณ์ของก้านช่อดอกลดลง
อัตราและวิธีใช้
10 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ควรพ่นอย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน 7-10 วัน
อัลก้า
สารกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้วยไม้จากประเทศอิตาลี
เป็นสารสกัดจากสาหร่ายทะเลที่อุดมไปด้วยสารกระตุ้นทางชีวภาพ ธาตุอาหารและฮอร์โมนพืชอย่างมากมายในสัดส่วนและการทำงานที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์
- ช่วยให้รากงอกแผ่ขยายดูดน้ำและสารอาหารพืชได้มากขึ้น
- ช่วยให้กล้วยไม้สมบูรณ์ใบเขียวเข้ม
- ช่วยให้กล้วยไม้โตเร็วแข็งแรงทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูกล้วยไม้
- ช่วยลดความเครียดให้กับพืชจากผลกระทบของสภาพอากาศที่แปรปรวนโดยเฉพาะในสภาวะอากาศร้อนจัดและหนาวจัดที่ส่งผลกระทบต่อการออกดอกและการเจริญเติบโตของกล้วยไม้
- ช่วยกระตุ้นการแทงช่อดอกและพัฒนาการของช่อดอกได้อย่างสมบูรณ์
อัตราและวิธีใช้
- ช่วงแรกของการเจริญเติบโต 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ช่วงพัฒนาการของใบและดอก 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
น้ำคือหัวใจของการเพาะปลูกกล้วยไม้
น้ำที่เป็นด่าง น้ำกระด้าง น้ำที่มีเกลือแร่เจือปน น้ำที่มีตะกอนดิน คือสาเหตุที่ทำให้สารกำจัดศัตรูพืชเสื่อมสภาพ
การจัดการน้ำสำหรับนำมาใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูกล้วยไม้จึงเป็นสิ่งสำคัญเบื้องต้น
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
ไซโฟเวอร์
สารมหัศจรรย์สำหรับกล้วยไม้ เสริมสร้างประสิทธิภาพในการกำจัดศัตรูพืชได้อย่างแท้จริง ด้วยคุณสมบัติพิเศษหลายประการ
- สารช่วยปรับสภาพน้ำ
- สารที่ช่วยให้เกิดการเข้ากันได้ระหว่างสารกำจัดศัตรูพืชที่นำมาผสมร่วมกัน
- สารเสริมฤทธิ์ยา
- สารช่วยในการเปียกใบ สารช่วยในจับติดใบพืช
- สารช่วยป้องกันกำจัดโรคพืชที่สำคัญบางชนิด เช่นโรคเน่าดำ โรคเน่าเข้าไส้ของกล้วยไม้สามารถช่วยลดการระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี
- สารที่ออกฤทธิ์เป็นปุ๋ยน้ำสูตร 3-17-0 สำหรับใช้เพื่อเสริมสร้างรากและเร่งการออกดอกของกล้วยไม้
ปัญหาการใช้สารกำจัดศัตรูพืชได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- สารเคมีเกษตรส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ได้ดีในสารละลายที่เป็นกรดอ่อนๆและจะเสื่อมฤทธิ์อย่างรวดเร็วเมื่อในสารละลายที่เป็นด่าง ดังนั้นการใช้น้ำที่เป็นด่าง น้ำที่มีเกลือแร่เจือปนหรือมีตะกอนดิน จะทำให้ฤทธิ์ยาเสื่อมสภาพลง
- ไซโฟเวอร์ช่วยปรับสภาพน้ำให้มีระดับความเป็นกรดอยู่ที่ระดับ pH 4.5-5.5 ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับนำไปใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชโดยทั่วไป
- อัตราการใช้ของไซโฟเวอร์จะขึ้นอยู่กับระดับความเป็นด่างของน้ำ ถ้าน้ำเป็นด่างจัดก็ต้องใช้ในอัตราสูง ถ้าน้ำเป็นด่างอ่อนก็ใช้ในอัตราต่ำ จึงใช้วิธีหยดไซโฟเวอร์ลงไปในน้ำ แล้วดูการเปลี่ยนแปลงของสี ถ้าน้ำเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีชมพูอ่อนๆก็แสดงว่าเหมาะสมสำหรับนำไปใช้ได้แล้ว
- ถ้าต้องการปรับสภาพน้ำที่มีระดับความเป็นด่างที่ pH 8 ให้มาสู่ระดับน้ำที่ pH 6.5 จะต้องใช้ ไซโฟเวอร์ ในอัตรา 90-100 ซีซีต่อน้ำ 100 ลิตร
อัตราและวิธีใช้
- ถ้าต้องการผสมด้วยน้ำ 20 ลิตร ใส่ไซโฟเวอร์ลงไปในน้ำจำนวน 12 ซีซีก่อนจากนั้นค่อยหยดไซโฟเวอร์ดูการเปลี่ยนแปลงของสีน้ำ ซึ่งจะเป็นตัวที่ชี้วัดระดับ pH ดังนี้
ถ้าเป็นสีเหลือง แสดงว่า pH อยู่ที่ระดับ มากกว่าหรือเท่ากับ 6
ถ้าเป็นสีส้ม แสดงว่า pH อยู่ที่ระดับ 6.0-5.5
ถ้าเป็นสีแดง แสดงว่า pH อยู่ที่ระดับ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5.5 ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสม
- จากนั้นนำสารกำจัดศัตรูพืชที่ต้องการใช้นำมาผสม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้ ไซโฟเวอร์ ที่อัตรา 18-24 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
- สำหรับอัตราการใช้เพื่อเสริมประสิทธิ์ภาพฤทธิ์ยา การใช้เพื่อช่วยให้สารผสมเข้ากันได้เป็นอย่างดี การใช้เพื่อเป็นปุ๋ยน้ำและการใช้เพื่อเป็นสารป้องกันกำจัดโรคพืช ให้ใช้ในอัตรา 3-5 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
น้ำคือหัวใจของการเพาะปลูกกล้วยไม้
บางครั้งพบการระบาดของวัชพืชบนเครื่องปลูก การใช้สารกำจัดวัชพืชจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสารกำจัดวัชพืชส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์เป็นพิษกับกล้วยไม้ได้ด้วย การใช้สารกำจัดวัชพืชบางชนิดจะต้องลดความเข้มข้นของสารลงและจะต้องใช้กับกล้วยไม้ที่แข็งแรงแล้วอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป และใช้ได้ในกล้วยไม้บางสกุลโดยเฉพาะสกุลหวายเท่านั้น กล้วยไม้สกุลอื่นๆจะต้องระมัดระวังหรือห้ามใช้สารกำจัดวัชพืชโดยเด็ดขาด
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
เอรายูรอน 80 ชนิดผง
เอรายูรอน 80 เอสซี ชนิดครีม
อัตราและวิธีใช้
บนฉลากไม่มีคำแนะนำการใช้ หากจำเป็นจะต้องใช้กำจัดวัชพืชจะต้องลดอัตราการใช้ลงเหลือ 3-5 กรัมหรือซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นเมื่อวัชพืชเริ่มงอกมีใบปรากฏให้เห็นหรือวัชพืชสูงไม่เกิน 3 เซนติเมตร จะกำจัดได้ดี ถ้าวัชพืชมีขนาดโตกว่านี้ในอัตราที่แนะนำอาจไม่สามารถกำจัดวัชพืชได้ โดยพ่นลงไปที่เครื่องปลูกปีละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ
มอสและตะไคร่มากับความชื้นบนเครื่องปลูก
การกำจัดมอสและตะไคร่ที่ขึ้นบนเครื่องปลูก
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
แคปแทน 50
อัตราและวิธีใช้
แคปแทน 50 (สารแคปแทน 50% ดับบลิวพี) พ่นลงไปบนเครื่องปลูกที่มีมอสและตะไคร่ขึ้นปกคลุม ในอัตรา 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นเดือนละครั้งในช่วงหน้าฝน จนกว่ามอสและตะไคร่แห้งหลุดลอกออกไป
โรคพืช
ปัญหาโรคศัตรูกล้วยไม้ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อรา
โรคใบไหม้ โรคเกสรดำ กลีบดอกไหม้
โรคใบไหม้ในกล้วยไม้สกุลสปาโทกลอสทิส กล้วยไม้ดินใบหมาก กล้วยไม้เอื้องพร้าวและกล้วยไม้สกุลซิมบิเดียม
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
เอราสตาร์ 32.5 เอสซี
เรสเปคท์ บูล 72 ดับบลิวพี
เอราโปรราซ 49
อัตราและวิธีใช้
- เอราสตาร์ 5 เอสซี (สารอะซอกซีสโตรบิน บวกสารไดฟีโนโคนาโซล 12.5%+20% เอสซี) อัตรา10 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมกับ เรสเปคท์ บูล 72 ดับบลิวพี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- หรือพ่นสลับกับ เอราโปรราซ 49 ในอัตรา 10 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
โรคเน่าแห้งหรือโรคราเม็ดผักกาดในกล้วยไม้หลายสกุล
ทำให้หัวเน่า ลำต้นเน่า รากเน่า
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
ฟราวไซด์
อัตราและวิธีใช้
ฟราวไซด์ (สารฟลูอะซินาม 50% เอสซี) ในอัตรา10 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นอย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน 7-10 วัน
โรคเน่าดำหรือยอดเน่าหรือบางครั้งเรียกโรคเน่าเข้าไส้
ระบาดในกล้วยไม้หลายสกุล เช่น กล้วยไม้ลูกผสมสกุลหวาย แวนดา ทีเอ็มเอ แวนด้ารอทไชเดียน่า อะแรนดาคริสติน อะแรนดานอรา แคทลียา มอคคารา
- อาการที่พบเห็นที่ต้นจะทำให้ใบเหลืองและหลุดร่วงจนชาวสวนเรียกว่า “โรคแก้ผ้า”
- อาการที่พบเห็นที่ดอก กลีบดอกตูมจะเน่าและหลุดจากก้านช่อ
- อาการที่ก้านช่อดอก ทำให้ก้านช่อดอกเน่าดำและหักพับในที่สุด
- อาการที่ราก ทำให้รากเน่า แห้งแฟบ
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
เรนแมน
อัตราและวิธีใช้
เรนแมน (สารไชยาโซฟามิด 40% เอสซี) ในอัตรา 5 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ควรพ่นซ้ำอย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน 7-10 วัน
โรคดอกสนิมหรือจุดสนิม
- พบระบาดมากในกล้วยไม้ลูกผสมสกุลหวายเช่น หวายขาว หวายชมพู หวายปอมปาดัวร์ หวายซีซาร์
- มักระบาดในช่วงที่มีฝนตกหนักในช่วงฤดูฝนหรือมีน้ำค้างลงมาก จะพบเห็นเป็นจุดสีสนิมเข้มบนกลีบดอก
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
เอราคลอราซ 450
อัตราและวิธีใช้
เอราคลอราซ 450 (สารโพรคลอราซ 45% อีซี) ในอัตรา 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
โรคใบปื้นเหลือง
- พบระบาดมากในกล้วยไม้สกุลหวาย
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
แคปแทน 50
เอราคลอราซ 450
อัตราและวิธีใช้
- แคปแทน50 (สารแคปแทน 50% ดับบลิวพี) ในอัตรา 40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- พ่นสลับกับ เอราคลอราซ 450 (สารโพรคลอราซ 45% อีซี) ในอัตรา 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
โรคใบจุดฟิลลอสติคติน่าโรคใบขี้กลาก
- พบระบาดมากในกล้วยไม้สกุลหวายและแวนด้า
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
เอราคลอโรนิล 75
อัตราและวิธีใช้
เอราคลอโรนิล 75 (สารคลอโรทาโลนิล 75% ดับบลิวพี) ในอัตรา 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ปัญหาโรคศัตรูพืชกล้วยไม้ที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย
โรคกลีบดอกไหม้ของกล้วยไม้สกุลมอคคารา
โรคใบจุดและโรคเน่าในกล้วยไม้สกุลออนซิเดียม
โรคลำต้นเน่าในกล้วยไม้สกุลแกรมมะโตฟิลลัม
โรคเน่าเละในกล้วยไม้สกุลฟาเลนนอฟซิส
- การป้องกันกำจัดโรคศัตรูกล้วยไม้ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียโดยการใช้สารเคมีเกษตรชาวสวนกล้วยไม้ใช้สาร เจนต้าไมซินซัลเฟต (gentamycin sulfate) ผสมออกซี่เตตร้าไซคลินไฮโดรคลอไรด์ (oxytetracycline hydrochloride) สามารถป้องกันกำจัดได้ในระดับหนึ่ง แต่การใช้ซ้ำๆกันหลายครั้งทำให้เกิดอาการดื้อยาได้ง่ายหรือการใช้ในอัตราความเข้มข้นสูงอาจทำให้กล้วยไม้เกิดอาการเป็นพิษกลายเป็นสีเหลืองซีดขาวโดยเฉพาะกล้วยไม้สกุลแวนด้าและเอสโคเซนด้า อีกทั้งยังมีต้นทุนที่สูงอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
ไอโรเน่ ดับบลิวจี
อัตราและวิธีใช้
การแช่หน่อพันธุ์ลำลูกกล้วยด้วย “ไอโรเน่ ดับบลิวจี” ในอัตรา 10 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ก่อนนำไปปลูกจะช่วยลดการระบาดของโรคกล้วยไม้ที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย จะช่วยลดการเกิดโรคได้ในระดับหนึ่ง และภายหลังปลูกหากพ่นด้วย “ไอโรเน่ ดับบลิวจี” ในอัตราเดียวกันคือ 10 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตรจะช่วยให้การควบคุมโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัญหาแมลงศัตรูกล้วยไม้ที่ยุ่งยากต่อการกำจัด
เพลี้ยไฟศัตรูวายร้ายที่ต้านยา
- ปัญหาเพลี้ยไฟ เป็นปัญหาหลักที่จัดการได้ยาก กล้วยไม้ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปตรวจพบสารตกค้างประเภทสารกำจัดเพลี้ยไฟในกล้วยไม้เป็นหลักเพลี้ยไฟชาวสวนกล้วยไม้รู้จักกันในชื่อว่า “ตัวกินสี” เป็นแมลงปากดูดที่มีขนาดเล็กมากที่หลบซ่อนอยู่ตามซอกกลีบดอก จนยากที่จะพบเห็นตัวได้
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
ผลิตภัณฑ์บริษัท เอราวัณเคมีเกษตรที่สามารถกำจัดเพลี้ยไฟได้ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติออกฤทธิ์แบบดูดซึมเป็นหลักหรือซึมผ่านใต้พื้นผิวใบสารในกลุ่มนีโอนิโคตินอยด์ ได้แก่
เอราคอน 70
เอราท็อกซ์
เอราทริป 5 เอสซี
เอราเมท โกลด์
เอราทริน 2.5
อัตราและวิธีใช้
เอราคอน 70 (สารอิมิดาคลอพริด 70% ดับบลิวจี) ให้ใช้ในอัตรา 5 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
และ เอราท็อกซ์ (สารไทอะมีโทแซม 25% ดับบลิวจี) ให้ใช้ในอัตรา 5 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
โดยพ่นสลับหรือใช้ร่วมกันกับสารกำจัดเพลี้ยไฟชนิดอื่นๆ เช่น
เอราทริป 5 เอสซี (สารฟิโพรนิล 5% เอสซี) ใช้ในอัตรา 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
เอราเมท โกลด์ (สารไดเมโทเอต 40% อีซี) สูตรปรับปรุงใหม่จากยุโรป ด้วยสูตรผสมที่คงสภาพสารออกฤทธิ์อยู่ได้นาน ปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม ใช้ในอัตรา 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
เอราทริน 2.5 (สารแลมบ์ด้า ไซฮาโลทริน 2.5% อีซี)ใช้ในอัตรา 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร