โรคราสีชมพูของลองกอง

โรคนี้เกิดจากเชื้อราชั้นสูงที่ชื่อ คอร์ติเซียม ซาลโมนิคัลเลอร์ เข้าทำลายบริเวณกิ่งหรือลำต้น ทำให้เกิดลักษณะอาการกิ่งแห้ง ใบแห้งและร่วงหล่น บริเวณกิ่งที่ถูกเชื้อราเข้าทำลายเริ่มแรกจะเห็นเส้นใยของเชื้อราสีขาวขึ้นปกคลุมบาง ๆ บริเวณโคนกิ่ง และจะค่อย ๆ เจริญปกคลุมกิ่ง เส้นใยนี้จะหนาขึ้นและค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพู ในระยะนี้จะเห็นใบที่อยู่ส่วนบนของกิ่งที่ถูกเชื้อราเข้าทำลายเริ่มเหลือง เมื่อเฉือนเปลือกบริเวณที่มีเชื้อราปกคลุมจะเห็นเนื้อเปลือกถูกทำลายเป็นสีน้ำตาล ซึ่งกิ่งที่ถูกเชื้อราเข้าทำลายนี้ต่อมาจะแห้งตายทั้งกิ่ง
การระบาดของโรคราสีชมพู มักจะพบระบาดมากในช่วงฤดูฝน และมักพบเกิดกับต้นลองกองที่มีทรงพุ่มทึบอยู่ในที่มีร่มเงามากเกินไป เชื้อราสาเหตุโรคอาจทำให้เกิดโรคกับพืชอื่นได้หลายชนิด เช่น ยางพารา ส้มจุก ส้มเขียวหวาน และทุเรียน ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพความชื้นสูง
การป้องกันกำจัด
- ตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง และกำจัดวัชพืชในแปลงปลูก เพื่อลดความชื้นสะสม
- ในช่วงฤดูฝนหมั่นตรวจสวนอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการของโรคที่กิ่งแม้เพียงเล็กน้อย ให้ตัดไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก หรือเฉือนเปลือกบริเวณเป็นโรคออก แล้วทาด้วยสารคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 85% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 45-60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 62% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- เมื่อพบอาการใบเหลือง ควรตรวจดูบริเวณกิ่ง หากพบอาการของโรค ให้ตัดกิ่งที่เป็นโรค นำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก หรือพบอาการของโรคบนง่ามกิ่ง หรือโคนกิ่งที่มีขนาดใหญ่ ให้ถากแผลบริเวณที่เป็นโรคออกให้หมด แล้วทาบริเวณแผลด้วยสารดังกล่าวตาม ข้อ 2 จากนั้นพ่นให้ทั่วต้น โดยเฉพาะที่บริเวณกิ่ง และลำต้นด้วยสารคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 85% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 62% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือคาร์เบนดาซิม 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- ในแปลงลองกองที่เคยพบโรคระบาดรุนแรง ในช่วงฤดูฝนควรป้องกันการเกิดโรคโดย พ่นด้วยสารดังกล่าว ตามกิ่งก้านที่อยู่ในทรงพุ่มเสมอๆ
สารป้องกันกำจัดโรคพืช
- โคปิน่า 85 ดับบลิวพี: ในอัตรา 30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ไอโรเน่ ดับบลิวจี: ในอัตรา 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- แคปแทน 50: อัตราการใช้ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ฟราวไซด์: อัตราการใช้ 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 Comment