การแพร่กระจายโดยมันจะบินไป
กับลม ถ้าลมพัดแรงมันจะเดินทางไปไ
ด้ไกลถึง 2-7 กิโลเมตรต่อวัน แปลงมันสำปะหลังของเกษตรกรป
ลูกติดต่อกันเป็นผืนใหญ่ ซึ่งก็แน่นอนว่าหากมีโรคระบ
าดอยู่เพียง 1 ต้น ในแปลงหนึ่ง แปลงที่อยู่ในละแวกเดียวกัน
ย่อมติดโรคได้ในเวลาไม่นานเ
ลยอย่างแน่นอน
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของการเพิ่มปริมาณแมลงหวี่ขาว คือสภาพอากาศที่แห้งแล้ง มีฝนทิ้งช่วง และมีพืชอาศัยให้แมลงใช้ชีวิตอยู่ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งมันสามารถอาศัยอยู่บนพืชได้มากกว่า 900 ชนิด เดือนกุมภาพันธุ์ ถึง เดือนเมษายน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากสำหรับการแพร่ระบาดนั่นเอง
วิธีการควบคุมโรคไวรัสของมันสำปะหลัง ต้องมีการปฏิบัติควบคู่กันไปหลายๆ วิธี ทั้งการทำความสะอาดรอบๆ แปลงไม่ให้มีวัชพืชที่เป็นพืชอาศัยของแมลงหวี่ขาวในช่วงไม่ได้ปลูกมัน การหมั่นสำรวจว่าพบการระบาดของแมลงรึยัง โดยการสุ่มนับใต้ใบของต้นว่ามี ไข่ หรือมีพบตัวอ่อน หรือตัวเต็มวัย หรือไม่ หากพบว่าในจำนวนที่สุ่มทั่วๆแปลง มีไข่ หรือแมลง บน 10-20 ต้น จำนวน 5-20 ตัว ต้องรีบกำจัดทันที
การป้องกันกำจัดแมลงหวี่ขาว
• การกำจัดวัชพืชที่เป็นพืชอาศัย รอบๆ แปลง
• เก็บซากพืชหลังการเก็บเกี่ยว ฝังลงดินลึกๆ หรือเผาไฟ เพื่อไม่ให้มีต้นอ่อนงอกออกมาเป็นแหล่งอาศัยของแมลงได้อีก
• สารป้องกันกำจัดแมลง ได้แก่ อิมิดาคลอปริด หรือ บูโปรเฟซิน พ่นเมื่อพบแมลง 5-10 ตัว บนต้นมันสำปะหลัง 10-20 ต้น และพ่นติดต่อกัน ทุก 4-5 วัน อีก 1-2 ครั้ง หากยังพบการระบาดของแมลงอีก
หากเกษตรกรมันสำปะหลังช่วยกันเป็นหูเป็นตา ?ปกป้องพืชผลของเราเองตามวิธีที่กล่าวมา โอกาสการสูญสิ้นมันสำปะหลังก็คงจะเกิดได้ยาก แต่หากพวกเราละเลย ปล่อยให้การค้าพันธุ์ที่มีโรคติดมาระบาดไปในที่ต่างๆ เราชาวไร่มันอาจจะต้องเผชิญภัยโรคไวรัสชนิดนี้อย่างแน่นอน