ย่างเข้าฤดูร้อนกันแล้ว เกษตรกรสวนผักเก็บเกี่ยวผัก
ฤดูหนาวกันเสร็จเรียบร้อยแล
้ว ก็ถึงเวลาเตรียมดินเพื่อรอป
ลูกผักในฤดูต่อไป ซึ่งก็ต้องหลังสงกรานต์เดือ
นเมษายน เพราะช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากจะเป็นช่วงเทศกาลปีให
ม่ไทย หาแรงงานได้ยากแล้วยังมีสภา
พภูมิอากาศร้อนและแห้งแล้งม
าก การทำเกษตรกรรมจึงมีความเสี
่ยงสูง
อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งอย่างนี้มีข้อดีอย่างหนึ่ง นั่นคือ ชาวสวนสามารถเตรียมดิน ไถและตากแดด เพื่อฆ่าเชื้อโรค ลดจำนวนไข่และตัวอ่อนของแมลงลงได้ ตามตำรามีบอกไว้ว่า การตากดินด้วยแดดร้อนจัด ประมาณหนึ่งเดือน จะช่วยลดจำนวนศัตรูพืชลงได้อย่างมากทีเดียว การตากแดดดินต้องถูกไถขึ้นให้โครงสร้างของดินโปร่งเพื่อให้แสงแดดส่องเข้าไปได้อย่างทั่วถึงจึงจะได้ผลดี นอกจากนี้เมล็ดวัชพืชก็จะถูกพลิกขึ้นมาเหนือดิน ทำให้เมล็ดแห้งและเสียความงอก หรือได้วัชพืชที่อ่อนแอ
หลังจากฝนตกลงมาในช่วงสงกรานต์ หรือาจก่อนหน้าบ้าง หลังสงกรานต์บ้าง แล้วแต่สภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งในปีนี้มีพยากรณ์ว่าจะเกิดความแห้งแล้งขึ้นทั่วทั้งโลก นั่นหมายความว่าหากเกษตรกรท่านใดอยู่ใกล้แหล่งน้ำก็จะมีโอกาสปลูกผักได้ราคาดีอย่างแน่นอน แต่หากท่านไม่มีแหล่งน้ำ หรือมีน้ำไม่พอใช้ตลอดฤดู ก็ไม่ควรเสี่ยงปลูกผัก เพราะผักต้องการน้ำมาก ดังนั้นควรเลือกปลูกพืชใช้น้ำน้อย และอายุสั้นจะดีกว่า เช่นถั่วเขียว ที่ได้ราคาดีเช่นกัน
ปัญหาการปลูกผักในฤดูแล้งจะต้องเผชิญศัตรูผักอะไรบ้าง เรื่องโรคพืช ก็จะเป็นโรคเน่าเละเป็นส่วนใหญ่ ส่วนแมลงเป็นกลุ่มแมลงปากดูด เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยกระโดด และ ไร
เมื่อเราทราบปัญหาเช่นนั้นแล้ว เราจะมีวิธีป้องกันมันอย่างไรกันดี
ในเรื่องโรคเน่าเละของผักที่เกิดจากแบคทีเรีย ซึ่งเป็นโรคที่มีลักษณะเฉพาะตัวคือกลิ่นผักเน่าจากแบคทีเรียสาเหตุ นักวิชาการหลายสำนักแนะนำให้เกษตรกรใช้ปูนขาวใส่ดินเพื่อการปรับค่าความเป็นกรด ด่างของดิน เพราะดินที่เป็นกรดจัดจะทำให้พืชอ่อนแอต่อแบคทีเรียโรคพืช และแบคทีเรียนี้ก็ชอบสภาพแวดล้อมเช่นนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อมาถึงตรงนี้ เกษตรกรก็จะถามว่า ความเป็นกรด ด่าง นั่นควรจะเป็นเท่าไหร่จึงพอดี และถ้าเป็นกรด ควรจะเป็นเท่าไหร่จึงต้องใส่ปูนขาว และใส่มากน้อยสักเท่าไหร่ และยังมีคำถามต่ออีกว่า ปูนขาว คืออะไร เพราะเวลาที่ไปซื้อที่ร้านค้าสารเคมี ก็จะได้โดโลไมท์มาใช้ทุกครั้ง
เอาละ เราจะมาทำความเข้าใจกันเรื่อง ค่า กรดด่าง และการใช้ปูนขาวสักหน่อย
ค่าความเป็น กรด ด่างของดิน วัดเป็นตัวเลขตั้งแต่ 1-10 โดยความเป็นกลางจะอยู่ที่ 7 ต่ำกว่านี้ จะเป็นกรด และสูงกว่านี้ คือด่าง เรื่องนี้เกษตรกรทั่วไปทราบกันดีอยู่แล้ว ค่ากรด ด่าง ที่ดินปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาในสัดส่วนที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีจะอยู่ที่ 6.2 -6.8 ถ้าหากว่าวัดค่า กรด ด่างของดินได้ต่ำกว่า 5.5 ก็ต้องมีการใส่ปูนขาวปรับปรุงดินกันแล้ว แต่ปริมาณที่ใช้จะขึ้นกับชนิดดินด้วย เช่นค่ากรดด่าง เป็น 4.0 ดินเหนียว ต้องใส่ปูนขาว ประมาณ 2 ตันต่อไร่ ถ้าเป็นดินทรายจะใส่เพียง 530 กิโลกรัมต่อไร่